กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คืออะไร
Update 23/02/2568
กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (หรือ “กองทุนสงเคราะห์การเลิกจ้าง”) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงแรงงานของประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้าง กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมุ่งเน้นในการปกป้องสิทธิของลูกจ้างที่อาจถูกละเมิดจากนายจ้าง เช่น การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม หรือไม่จ่ายค่าจ้างตามที่ตกลง รวมถึงการดูแลในกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกจ้างในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยกองทุนนี้จะทำให้ลูกจ้างได้รับการชดเชยหรืออย่างน้อยได้รับการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาเสียสิทธิหรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
วัตถุประสงค์ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:
- ช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง: โดยเฉพาะการเลิกจ้างที่ไม่ได้รับการชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรณีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม หรือไม่จ่ายค่าชดเชย
- การจ่ายเงินชดเชย: ให้ความคุ้มครองลูกจ้างในกรณีที่นายจ้างไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยหรือค่าจ้างได้ตามที่ตกลงไว้
- ให้ความช่วยเหลือในการฟ้องร้อง: ในบางกรณีที่ลูกจ้างต้องการการช่วยเหลือทางกฎหมาย การฟ้องร้อง หรือการไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ

การดำเนินงานของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีออกจากงาน หรือตาย หรือในกรณีอื่นที่กำหนดโดยคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กองทุนฯได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในงบประมาณปี 2543 และ 2545 รวม 250 ล้านบาท เงินค่าปรับจากการลงโทษผู้กระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ เงินดอกผลของกองทุน
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นขอรับเงินสงเคราะห์
บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการออกให้ซึ่งแสดงได้ว่าระบุถึงตัวผู้นั้นพร้อมสำเนา
สถานที่ยื่นขอรับเงินสงเคราะห์
ยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด (แบบ สกล.1) ต่อพนักงานตรวจแรงงานแห่งท้องที่ที่มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงิน
•ส่วนกลาง ยื่นได้ที่กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ ทุกพื้นที่
•ส่วนภูมิภาค ยืนได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ทุกจังหวัด

ข้อดี ข้อเสีย ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของนายจ้าง
1. ข้อดีของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
- การคุ้มครองสิทธิของลูกจ้าง: หลายคนมองว่ากองทุนนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องลูกจ้างจากการถูกละเมิดสิทธิ โดยเฉพาะกรณีที่นายจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หรือไม่จ่ายค่าชดเชยตามที่ควรจะเป็น
- ความมั่นคงในกรณีตกงาน: กองทุนช่วยให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างสามารถได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบของเงินชดเชย ซึ่งทำให้คนที่ตกงานสามารถมีรายได้บางส่วนในช่วงเวลาที่ต้องหางานใหม่
- กระตุ้นให้ลูกจ้างมีความมั่นใจ: การมีระบบการช่วยเหลือที่เป็นทางการ ทำให้ลูกจ้างรู้สึกมีความมั่นใจในการทำงาน เพราะมีการคุ้มครองจากหน่วยงานของรัฐ
2. ประเด็นที่ต้องคำนึงถึง
- การเข้าถึงที่ยุ่งยาก: หลายคนรู้สึกว่ากระบวนการขอรับสิทธิจากกองทุนนี้อาจยุ่งยากและซับซ้อน เช่น การเตรียมเอกสารหรือขั้นตอนการยื่นคำร้อง ซึ่งทำให้บางคนรู้สึกไม่สะดวกหรือเสียเวลา
- จำนวนเงินชดเชยไม่เพียงพอ: สำหรับบางคนที่ถูกเลิกจ้างในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด พวกเขามองว่าเงินชดเชยที่ได้รับจากกองทุนอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในระยะยาว และไม่สามารถทดแทนรายได้จากงานได้
- การจำกัดสิทธิ: บางคนอาจไม่สามารถขอรับเงินจากกองทุนได้หากไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ระยะเวลาการทำงานที่ไม่ถึงเกณฑ์ หรือสถานการณ์การเลิกจ้างที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กองทุนกำหนด ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรม
3. ภาระ หน้าที่และความรับผิดชอบของนายจ้าง:
- ภาระของนายจ้าง: บางนายจ้างอาจมองว่ากองทุนนี้เป็นภาระเพิ่มขึ้นจากการต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนทุกปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยใช้สิทธิในกองทุนก็ตาม
- อาจมีการละเมิดข้อกำหนด: นายจ้างบางรายอาจมองว่า พวกเขาควรได้รับการคุ้มครองจากกองทุนในกรณีที่ต้องเลิกจ้างลูกจ้างในสถานการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์วิกฤต
ข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงแรงงาน : https://www.mol.go.th/employee/employee_fund