ประกันสังคมแจกของขวัญปีใหม่ 2566 “ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ”
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลบริการและสิทธิประโยชน์ของแรงงานทุกกลุ่มทุกวัย
ทำให้ทางด้านของกระทรวงแรงงาน โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 กับผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง ภายใต้แคมเปญ “ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ” สำหรับสร้างขวัญและกำลังใจให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
1. “ลด” สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกิน 2 ล้านบาท / คน วงเงิน 30,000 ล้านบาท
เป็นโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ทางสำนักงานประกันสังคมร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับธนาคารเดิม มีวงเงินโครงการ 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะปล่อยกู้ให้ผู้ประกันตนไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท พร้อมลดภาระดอกเบี้ยของผู้ประกันตนลดลงตลอดระยะเวลาการกู้ ดังนี้
- ปีที่ 1 – 5 อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี คงที่ 5 ปี
- ปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ย MRR – 2.00% ต่อปี
- ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR – 0.5% ต่อปี
ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2565 – 19 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติตามโครงการฯ จะครบ คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายใน 12 เดือน ก่อนเดือนที่เข้าร่วมโครงการฯ
2. “ให้” เข้าถึงการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด
สำนักงานประกันสังคม มีแนวคิดพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้พี่น้องผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษา ดังนั้นผู้ประกันตนที่ป่วยและมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำหัตถการ นำร่องในกลุ่มโรคที่มีผู้ประกันตนเข้ารับการรักษามากที่สุด เป็นการลดเวลารอคอยการผ่าตัด ลดระยะเวลาพักฟื้น ส่งผลให้ผู้ประกันตนกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถดำเนินชีวิตตามปกติ
ทางสำนักงานประกันสังคมจึงได้เชิญชวนโรงพยาบาลที่มีศักยภาพตามมาตรฐานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดทำบันทึกความตกลงเพื่อให้ผู้ประกันตนไม่ต้องรอคอยการผ่าตัด หรือการส่งตัวจากโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา พร้อมกันนี้ทางสำนักงานประกันสังคมยังจ่ายค่าบริการทางการแพทย์โดยตรงกับสถานพยาบาลที่บันทึกความตกลง
ผู้ประกันตนจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการ อีกแนวทางในการส่งเสริมและดึงดูดให้สถานพยาบาลที่มีศักยภาพและได้มาตรฐานการรักษาเข้าร่วมบริการผู้ประกันตน โดยมี การเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม ก้อนเนื้อที่มดลูก โรคนิ่วในไตหรือ ถุงน้ำดี โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด
แผนงานเพิ่มเติมเมื่อดำเนินโครงการแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะต้องติดตามและประเมินผล เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการบริการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผู้ประกันตนต่อไป คาดว่าจะมีผู้ประกันตนมาใช้บริการ ทั้งสิ้นจำนวน 7,500 คน
3. “ฟรี” ค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการนำร่อง ใน 7 จังหวัด
เป็นโครงการเพื่อดูแลสุขภาพผู้ประกันตนในสถานประกอบการ มุ่งเน้นการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนเชิงรุก ร่วมมือกับสถานประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่ และสถานพยาบาลในพื้นที่ สร้างแนวทางการป้องกันและควบคุมโรค ค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย ลดอาการเจ็บป่วยที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตน
เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในสถานประกอบการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ ดำเนินการนำร่องใน 7 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร ตามโมเดลเชิงรุก โดยได้รับการตรวจสุขภาพ ดังนี้
- เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ
- แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่ยงสูง ปานกลาง และน้อย
- โรงพยาบาลนัดหมายประเมินเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคลระยะเวลา 6 เดือน
- ติดตามผลระบบ Telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม
จุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ประกันตน 300,000 คน ได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย สร้างต้นแบบด้านการบริการและป้องกันโรคในสถานประกอบการ ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตนต่อหัวเฉลี่ยรายละ 910 บาท (กลุ่มเสี่ยง) และ 340 บาท (กลุ่มไม่เสี่ยง) รวมวงเงิน 187.50 ล้านบาท
